วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

นวัตกรรมการเรียนการสอน


นวัตกรรมการศึกษา
(Innovation in Education)

การศึกษาในปัจจุบันเป็นการศึกษาที่พัฒนาการตามยุค IT นวัตกรรมจึงถูกนำมาใช้กับการศึกษาที่เรียกว่า"นวัตกรรมการศึกษา"(Innovation Education)

"
นวัตกรรม" หมายถึง การทำอะไรใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆมาปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพของงานหรือของสิ่งที่ได้กระทำให้ดียิ่งขึ้น "นวัตกรรมการศึกษา" เป็นการนำแนวคิด วิธีการการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อพัฒนา ปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพให้การศึกษา มีระบบที่ดีขึ้น มีคุณภาพ ที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ หรือประสิทธิผลสูงขึ้น

บทบาทของนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
การศึกษาในปัจจุบันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่การศึกษา สามารถจัดการศึกษาได้โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นที่ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนทุกสถานที่ที่ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต "นวัตกรรม"จึงมีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาที่จะเพิ่มประสิทธิภาพหรือคุณภาพการเรียนการสอนให้ได้มากยิ่งขึ้น

ลักษณะที่จัดได้ว่าเป็นนวัตกรรมการศึกษา ได้แก่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่ได้คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด สิ่งที่เคยนำมาใช้แล้วและปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น หรือสิ่งที่คิดเพิ่มเติมจากเดิม การนำวิธีการใหม่ๆที่ดีกว่ามาปรับปรุงแก้ไขวิธีการเดิมๆ การคิดค้นระบบหรือการจัดการวิธีการ การวิจัยหรืออื่นๆ แล้วนำมาเผยแพร่กว้างขวางยิ่งขึ้น เช่น
คอมพิวเตอร์มัลติมิเดีย
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
บทเรียนแบบโปรแกรม
ชุดการสอน

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการเรียนรู้

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการเรียนรู้นั้นบางท่านคิดถึงเฉพาะสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ช่วยสอนหรือวิธีการสอนเท่านั้น แต่มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการเรียนการสอนได้แก่
ครูผู้สอน
ผู้เรียน
หลักสูตรเนื้อหา
ทักษะกระบวนการต่างๆ
สื่ออุปกรณ์

นวัตกรรมแนววิธีสอน
นวัตกรรมวิธีสอนเป็นแนวจัดการสอนที่จะนำมาใช้สอนเพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุตามจุดประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ แนววิธีการสอนและเทคนิคต่างๆเพื่อนำมาใช้สอนที่เหมาะสมกับวิชาที่สอน มีเทคนิควิธีการ ต่างๆ คือ

1.
เทคนิค Jigsaw เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ใช้สอนนักเรียนได้ทั้งเล็กและโต เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คือ


1.
ครูแบ่งเนื้อหาที่จะเรียนเท่ากับจำนวนสมาชิกในกลุ่มของนักเรียน
2.
จัดกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 4-5 คน
3.
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรับผิดชอบในการศึกษาหัวข้อย่อยๆของเนื้อหา
4.
ให้นักเรียนที่ศึกษาหัวข้อย่อยเดียวกันมารวมกันเป็นกลุ่มใหม่เพื่อร่วมอภิปราย ซักถามให้มีความรู้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
5.
ให้นักเรียนกลุ่มใหม่แยกย้ายกลับไปกลุ่มเดิมของตน แล้วผลัดกันอธิบายความรู้ที่ได้รับให้เพื่อนในกลุมฟัง
6.
นักเรียนในกลุ่มทำแบบทดสอบย่อยเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจ นำคะแนนของสมาชิกกลุ่มแต่ละคนมารวมกันเป็นคะแนนของกลุ่ม

2.
เทคนิค STAD (Student Teams Achievement Divisions) เป็นเทคนิคการเรียนรู้ แบบร่วมมือ ใช้กับนักเรียนที่เป็นเด็กเล็กและโตได้

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
2.
แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน ให้มีความสามารถคละกัน
3.
แบ่งหน้าที่ในกลุ่ม ศึกษาและทำกิจกรรมในใบงาน
4.
นักเรียนทำแบบทดสอบเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจ
5.
นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำคะแนนการพัฒนา

3.
เทคนิค TGT (Team Games Tournament) เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ใช้กับการเรียนการสอนที่ต้องการให้นักเรียนได้สนุกสนานและกระบวนการกลุ่ม

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
2.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน ให้มีความสามารถคละกัน
3.
นักเรียนเตรียมความพร้อมให้สมาชิกกลุ่ม โดยการซักซ้อมความรู้ความเข้าใจ ซักถามปัญหาที่ตั้งขึ้นเอง
4.
จัดการแข่งขันระหว่างกลุ่ม โดยส่งชื่อผู้เข้าแข่งขัน
5.
ประกาศผลการแข่งขัน ชมเชยนักเรียนที่ชนะ

4.
เทคนิค GI (Group Inverstigation) เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ใช้สอนได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต สามารถใช้สอนในวิชาหลักได้ทุกวิชา

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
2.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน ให้มีความสามารถเท่ากัน
3.
แบ่งเรี่องที่ศึกษาออกเป็นหัวข้อย่อยๆ แบ่งเป็นใบงานที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ฯลฯ
4.
นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมในใบงาน
5.
แต่ละกลุ่มนำเสนอรายงานหน้าชั้น

5.
เทคนิค NHT (Numbered Heads TogetHer) เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ใช้กับการสอนวิชาหลัก และกิจกรรมพัฒนาตนเองได้ สามารถใช้สอนได้กับเด็กเล็กและเด็กโต

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
2.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน ให้มีความสามารถคละกัน
3.
ครูแจกใบงาน
4.
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มซักซ้อม ทบทวนปัญหาจนสมาชิกในกลุ่มเข้าใจคำตอบ
5.
ครูถามคำถามนักเรียนในกลุ่มโดยเรียกนักเรียนคนใดคนหนึ่งตอบคำถาม
6.
ชมเชยนักเรียนกลุ่มที่มีสมาชิกตอบได้มากที่สุด

6.
เทคนิค Buzzing เป็นเทคนิคการสอนที่ใช้กลุ่มย่อย เป็นการสอนโดยการระดมความคิดของทุกคนในกลุ่ม

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 6-8 คน
2.
ครูแจกใบความรู้
3.
นักเรียนช่วยกันระดมความคิด สมาชิกร่วมกันอภิปราย
4.
ให้นักเรียนสรุปความคิดที่เป็นเอกฉันท์

7.
เทคนิค UCEFAS (Uitimate Current Effect Facto Aiternative Soulution) เป็นเทคนิคการสอนแบบการคิดแก้ปัญหา สามารถใช้สอนได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ถ้าเป็นเด็กเล้กก็ให้ปัญหาที่ไม่ซับซ้อนเกินไปโดยให้นักเรียนหาปัญหาทั่วๆไปที่พบเห็นอยู่เสมอ

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรม คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-8 คน
2.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน
3.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดสภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้น
4.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดอภิปรายถึงสภาพปัจจุบันของปัญหา
5.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดวิเคราะห์ผลกระทบจากปัญหา
6.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
7.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดวิเคราะห์คิดหาทางเลือกในการแก้ปัญหา
8.
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดวิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ปัญหา เพื่อร่วมกันคัดเลือกหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุด

8.
เทคนิค หมวก 6 ใบ เป็นเทคนิคการสอนแบบตั้งคำถามเป็นการสอนเพื่อพัฒนาการคิดสำหรับนักเรียนทุกระดับ

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
แบ่งกลุมนักเรียนให้คิด ดังนี้
กลุมที่ 1 ตั้งคำถามให้คิด (สีขาว)
กลุ่มที่ 2 ถามความรู้สึก (สีแดง)
กลุ่มที่ 3 ตรวจสอบหาผลกระทบ (สีดำ)
กลุ่มที่ 4 หาข้อดี (สีเหลือง)
กลุ่มที่ 5 หาทางเลือกในการพัฒนา (สีเขียว)
กลุ่มที่ 6 โครงสร้างกระบวนการคิด
3.
กลุ่มสรุปแผนการดำเนินโครงการ

9.
เทคนิค Storyline Method เป็นเทคนิคการสอนแบบบูรณาการ ใช้สอนได้กับนักเรียนทุกระดับชั้น เป็นการจัดกิจกรรมที่สามารถพัฒนากระบวนการกลุ่ม

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
ครูวิเคราะห์เนื้อหาที่เรียน
2.
แบ่งกลุ่มนักเรียนเพื่อให้นักเรียนทำงานร่วมกัน
3.
จัดกิจกรรมตามเนื้อเรื่องที่กำหนดเป็นตอนๆ โดยใช้คำถามหลักเป็นตัวกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้
4.
กำหนดฉาก ตัวละคร วิถีชีวิต และเหตุการณ์

10. "
ชิงร้อย ชิงล้าน" เป็นเทคนิคการสอนแบบการเล่นเกม ใช้สอนในวิชาหลักได้และใช้สอนเด็กได้ทุกระดับ

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
แจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
3.
แต่ละกลุ่มตั้งคำถามจากเรื่องที่อ่านกลุ่มละ 10 คำถาม เป็นลักษณะ
คำถาม "จริงหรือไม่"
4.
นักเรียนคัดเลือกพิธีกรชาย 1 คน หญิง 1 คน
5.
พิธีกรคัดเลือกคำถามจากกลุ่มต่างๆ ประมาณ 10-15 คำถาม
6.
พิธีกรเริ่มรายการ ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดหาคำตอบ
7.
ถ้ากลุ่มใดตอบผิด ให้กลุ่มตอบถูกเป็นผู้เฉลย
8.
แต่ละกลุ่มช่วยบันทึกคะแนนที่ได้

11. "
แชมเปี้ยนเกม" เป็นเทคนิคการสอนแบบเล่นเกม เป็นวิธีการสอนให้เกิดความรู้และความสนุกสนานในการเล่นเกม ใช้จัดสอนได้ทุกระดับชั้น

มีข้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
แจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง
3.
นักเรียนตั้งคำถามกลุ่มละ 10 คำถาม
4.
ให้นักเรียนส่งตัวแทนออกมาตอบคำถาม กลุ่มละ 1 คน
5.
ให้นักเรียนเลือกพิธีกร 1 คน คัดเลือกคำถาม 10 ข้อ
ย่อหน้า6.แบ่งกลุ่มการแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่ม
7.
นักเรียนเลือกบุคคลที่จะตอบคำถาม ถ้าตอบถูกได้เป็นคะแนนกลุ่ม
8.
เปลี่ยนกลุ่มถามคำถาม เลือกบุคคลที่ตอบคำถามโดยไม่ซำกัน
9.
ผู้ใดตอบถูกจะได้เป็นคะแนนเก็บเป็นคะแนนสะสมของกลุ่ม

12. "
เกมจราชน" เป็นเทคนิคการสอนแบบเล่นเกม ใช้สอนเด็กได้ทุกระดับชั้น สอนให้นักเรียนได้คิดหาคำหรือข้อความที่มีความหมายต่อจากคำที่นักเรียนใบ้ ให้ได้คำตอบ

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คือ


1.
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
แต่ละกลุ่มให้ส่งตัวแทนออกมาใบ้คำ พูดได้ครั้งละ 1 คำ มีโอกาส 3 ครั้ง โดยกำหนดไม่ให้พูดคำในเฉลย
3.
ครูแจกบัตรคำให้ทีละกลุ่มใบ้คำ
4.
กลุ่มใดตอบได้เก็บเป็นคะแนนกลุ่ม

13. 4
ต่อ 4 Family Game เป็นเทคนิคการสอนแบบการเล่นเกม ใช้สอนวิชาหลักได้ และเป็นการเล่นเกมเหมาะกับนักเรียนทุกระดับ

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 8 กลุ่ม
2.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษา โดยซักซ้อมผู้ที่ออกมาติบคำถามกลุ่มละ 1 คน
3.
ส่งตัวแทนกลุ่มละ 1 คน แยกเป็น 2 ทีม ทีมละ 4 คน
4.
ครูถามปัญหา
5.
นักเรียนตอบปัญหาทีละคน ถ้าคนใดตอบผิดจะเปลี่ยนทีมตอบ และคะแนนจะตกเป็นของฝ่ายตรงข้าม

14. "
เธอถามฉัน ฉันถามเธอ" เป็นเทคนิคการสอนแบบตั้งคำถาม ใช้สอนนักเรียนได้ทุกวิชา และใช้ได้กับเด็กเล็กและโต เป็นการพัฒนากระบวนการจดจำจากเรื่องที่ได้เรียนหรือประสบการณ์เดิม

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษา
3.
แต่ละกลุ่มให้ร่วมกันเขียนคำถาม เพื่อวัดความรู้กลุ่มละ 15 คำถาม
4.
แต่ละกลุ่มนำคำถามของกลุ่มไปให้กลุ่มอื่นหาคำตอบ โดยกำหนดระยะเวลาที่จำกัด
5.
แต่ละกลุ่มหาคำตอบจากคำถามของกลุ่มอื่น

15.
บทเรียนหน้าเดียว เป็นเทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นกระบวนการกลุ่ม                     มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
ครูแจกใบความรู้ให้นักเรียนศึกษา และทำบทเรียนหน้าเดียว แบ่งเป็นส่วน ๆ ดังนี้
2.1
ภาพนำเข้าสู่บทเรียน
2.2
เนื้อหา
2.3
แบบทดสอบ
3.
ให้แต่ละกลุ่มนำบทเรียนหน้าเดียวไปใด้เพื่อนแต่ละกลุ่มศึกษา
4.
ให้แต่ละกลุ่มค้นหาคำตอบของคำถาม และตรวจสอบความถูกต้องตามเฉลย
5.
ครูทดสอบความรู้

16.
เทคนิคการสำรวจความรู้สึก เป็นเทคนิคการสอนแบบพัฒนากระบวนการคิด สามารถใช้สอนได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต สามารถกระตุ้นให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิดวินิจฉัยหรือคิดวิเคราะห์
มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ


1.
แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.
ครูนำเสนอสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง
3.
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระบุ ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์
4.
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวินิจฉัย เกี่ยวกับความรู้สึกของแต่ละบุคคลในเหตุการณ์ และให้เหตุผลถึงพฤติกรรมนั้นๆ
5.
ให้นักเรียนแต่ละคนบรรยายประสบการณ์เดิมของนักเรียนที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์
6.
ให้นักเรียนแต่ละคนเปรียบเทียบความรู้สึกของตนเองกับบุคคลในเหตุการณ์